***** ***** *****
สหายพล ณัฐกิตติ์ ยศยิ่ง
เด็กอัจริยะ ที่ถูก
BULLY!!!
***** ***** *****
กระผม เป็นเด็กออทิสติก เด็กปัญาอ่อน บ้าบอ ติงต๊อง
ขี้ดื้อ และ ไร้สาระ แต่ก็ไร้สาระพอที่จะเรียนรู้ได้หลายภาษา
ทั้งไทยปัจจุบัน ไทยพ่อขุนราม(ลายสือไทย) พาสาลาว
เพียซาขะแมร์ เตี้ยงเวียต ฮันกุกออ ฟร็องเซ่ส์ นิฮงโกะ
และ อื่นๆ ดูสิ เยอะขนาดนี้ ยังถูกบุลลี่ได้ง่ายๆ
สมัยเรียนประถม จนมัธยมต้น ณ โรงเรียนชุมชนบ้านวังจันทน์
ถูกเพื่อนๆบุลลี่ใส่เรา ทั้งล้อด่า ชกต่อย เตะก้น รวมทั้ง ขากถุย
น้ำลายใส่ อยากแก้แค้น แต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่เก็บกด
จนเมื่อเราได้เรียนภาษา จนเข้าขั้นอัจฉริยะ ยังไม่วายถูกเพื่อนๆ
เหยียดสี หาว่า อ่านมั่วมั่ง อ่านฟังไม่รู้เรื่องมั่ง เป็นต่างด้าวมั่ง
เป็นพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์กรุงล้านช้าง
ศรีสัตนาคนหุตกลับชาติมาเกิดมั่ง(อันนี้ เวอร์ไปโลด)
ที่สำคัญนะ เราเป็นคนเดียวในโรงเรียน ที่เขียนได้หลายภาษา
เช่น ພາສາລາວ ភាសាខ្មែរ Tiếng Việt 한국어 조선어
และ อื่นๆ แต่ก็ยังสบประมาท ถูกบุลลี่อยู่ร่ำไป จนเมื่อเรียนจบ
จากโรงเรียนเก่า เพื่อใช้ชีวิตปกติเยี่ยงชาวบ้าน ก็ปรากฏว่า
ที่โรงเรียน มีเด็กสองคนมีชื่อเสียงโด่งดัง จากข่าว
ธรรมะบีทบ๊อก ในขณะที่เราต้องดิ้นรนสร้างชื่อเสียงเอง
แต่สุดท้าย กลายเป็นดาวดับไป
จนกระทั่งวันหนึ่ง ในงานสงกรานต์ประจำปี2560 ณ วัด
พลงตาเอี่ยม อดีต อาจารย์จีรศักดิ์ สุขแก้ว และ อดีต
ผอ.วรมน รัตนจีน แห่ง กศน.อำเภอวังจันทร์ ได้เห็นแวว
ของฉัน จึงชักชวนให้เข้าเรียน กศน.ตำบลพลงตาเอี่ยม
โดยรับปากให้สัญญาว่า หากเรียนจบ จักรับเข้าทำงานเป็น
ครูสอนภาษา โอะโฮะ!อ้อยเข้าปากช้างชัด จึงไม่ลังเลรับคำ
พอเข้าเรียนวันแรก เจอดีเลย โดยนักศึกษารุ่นพี่รับน้องเข้าให้
โดนลองภูมิบ้าง พอนึกคำศัพท์ที่ให้แปลไม่ได้ก็ด่าเสียๆหายๆ
อภิโถ!ตรูเรียนอ่าน เรียนเขียน แต่แปลได้เฉพาะ ลาว-ขะแมร์
เท่านั้นเหวย!ภาษาอื่น ยังแปลไม่ได้ 100%ดอกหนาสู!!!
จนกระทั่งวันตะวันฉายแสงส่องมา ในวันไหว้ครู เราได้เป็น
ตัวแทนนักศึกษาชาย ถือพานพุ่ม และ ในวันนั้นเอง ที่เราได็รู้จัก
กับสหายตาลเข้ม ชลชินี สมัครสยาม เพื่อนที่อยู่สันโดษ
มีวลีติดปาก คือ "เบื่อ!" เราได้ทำกิจกรรมร่วมกันมาโดยตลอด
แต่สหายตาลกลับไม่ค่อยมาเรียนบ่อยเท่าใดนัก มาทีก็โน่น
วันสอบปลายภาค แถมได้สอบห้องเดียวกันอีก เราเลยถือว่า
สหายตาลเข้มเป็นตัวนำโชค เพราะเราไม่ต้องเสียเวลาหาห้องสอบ
เอง เราคอยจับตามองว่า สหายตาลเข้ม จะสอบห้องไหน เราก็ตาม
ต้อยๆเหมือนลูกเป็ดตามแม่ ทำให้สหายตาลเข้ม จากที่สนิทสนม
กลายมาเป็น 'รำคาญ'ไปในที่สุด จนออกปากด่าเราว่า
"ตรูเบื่อเมิงมาก รำคายเฟ้ย" ความสัมพันธ์จึงสะบั้นลง
กลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันไปในที่สุด
เมื่อจบจากอดีตสหายตาลเข้ม ก็มาต่อกันที่สหายคนใหม่อีกคนหนึ่ง
ซึ่งเป็นรุ่นน้อง ชื่อ สหายฟ้า กนกพร นามแสน รายนี่ดันปากโป้ง
ว่า เราหมิ่นเบื้องสูง หมิ่นธงชาติไทย(เพราะขณะนั้น เราถูกเพื่อน
ร่วมสถาบัน BULLY จนต้องหาวิธีประชดประชัน) แต่สุดท้าย
เรากับสหายฟ้า ก็ปรับความเข้าใจกันได้ และ มิตรภาพยืนยาวกว่า
ตอนรู้จักสหายตาลเข้ม ชลชินี สมัครสยามเสียอีก
แต่สุดท้ายก็สะบั้นอีก เพราะทัศนคติทางการเมืองต่างกัน!!!
เล่าเรื่องอดีตสหายคนสนิทมาก็เยอะแล้ว ขอเล่าเรื่องที่ถูก
BULLY ต่อล่ะกัน.....
สมัยก่อน เรามักถูกเพื่อนๆที่เป็นเพื่อนร่วมชาติกลั่นแกล้ง รังแก
มาโดยตลอด ทำให้เรารู้สึกเกลียดชังคนไทยแทบทุกคน
(ที่ไม่ใช่ญาติเรา) อยากระเบิดความรู้สึกข้างในว่า อยากจะแก้แค้น
สิ่งที่อยากจะแก้แค้นให้ถึงที่สุด คือ อยากปลุกระดมเพื่อนๆ
ชาวกัมพูชาที่บอบช้ำจากคนไทย ให้ไปเผาสถานทูตไทย
เป็นคำรบสอง อยากบุลลี่เรานัก เดี๋ยวเราจะบุลลี่กันระดับชาติ
กันไปเลย สะใจดี นี่คือการแก้แค้นอย่างสาสมที่สุด
เอาให้ตายกันไปข้างหนึ่งกันไปเลย!!!
เราเรียนภาษามา เพราะเป็นความชอบส่วนบุคคล ไม่ไป
เกะกะระรานใคร แต่กลับถูกคนไทยบุลลี่ใส่เรา นี่เรายังเป็น
เพื่อนร่วมชาติกันอยู่หรือเปล่า ถ้าสมมติเราเป็นเขมร
เราอยากจะเผาสถานทูตไทยสักร้อยหนพันหน
พร้อมพรักด้วย เพื่อนเขมรผู้รักชาติ รักแผ่นดิน
หมาต๋าจะกัด โปลิศจะเฆี่ยน เราไม่กลัว เพราะเราเจ็บปวด
เพราะคนไทยมามากพอแล้ว
นี่คือ สภาพของพวกที่ชอบเหยียดสีผิว เหยียดชนชาติ
กลั่นแกล้งเราสารพัด เราตอบสนองให้มันแล้ว
สะใจดีจริง อยากบุลลี่เราระดับบุคคล เราก็บุลลี่กลับ
ระดับประเทศ เอาให้ไอ้พวกเสียมก๊กเงิบกันไปเลย
สะใจดีแท้เหลา..... BULLY จงพินาศ!!!




















